ทนายณุมาพร พัฒนพงศธร น.บ.ท.64 เรียบเรียง
ยกหูถึง "พี่ตุ๊กตา"

 

เรื่องที่ 8      เก็บปืนพกไว้ในรถยนต์นั่ง ผิดอย่างไร


                    

ถึงวันนี้ (19-05-2556) พี่ตุ๊กตา ทนายณุมาพร พัฒนพงศธร น.บ.ท.64 Thai Law Consult (โทร. 098-915-0963) ได้รับอีเมล์ 3 ฉบับแล้ว ที่สอบถามเรื่อง "การเก็บปืนไว้ในรถ" ว่าผิดอย่างไร พี่ตุ๊กตาได้ตอบหลังไมค์ไปแล้ว วันนี้จึงเรียบเรียงเรื่องนี้มานำเสนอเป็นความรู้กฎหมายสู่ประชาชนค่ะ

 

หลักกฎหมาย โปรดดูในหัวข้อ "ทนายจำเลยต่อสู้คดีตามแนวฎีกากันอย่างไร" เรื่องที่ 2 พ.ร.บ.อาวุธปืน

 

คำถามที่ 1 - พาปืนติดตัวไปกับเพื่อน เพื่อนพกเงินไปจำนวน 7 แสนบาท เพื่อทำสัญญาซื้อขายที่ดิน ถูกตำรวจตั้งด่านค้น เป็นความผิดหรือไม่

คำถามที่ 2 - เก็บอาวุธปืนไว้ในกระเป๋าเอกสารที่มีกุญแจล็อค ซึ่งวางไว้บนเบาะนั่ง ด้านหน้าข้างคนขับรถแคมรี่ ถูกตำรวจตั้งด่านค้น เป็นความผิดหรือไม่

คำถามที่ 3 - เก็บปืนไว้ในลิ้นชักรถปิ๊กอัพ ที่ขับไปนากุ้ง ถูกตำรวจตั้งด่านค้น เป็นความผิดหรือไม่

 

เนื่องจากข้อมูลที่ให้มา ยังมีรายละเอียดที่ต้องสอบถามกันอีก ในเบื้องต้นนี้ พี่ตุ๊กตาขอตอบคำถามดังนี้

ข้อยกเว้นความรับผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัว มี 2 กรณีคือ

1.     กรณีมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วน ตามสมควรแก่พฤติการณ์ ตามมาตรา 8 ทวิ วรรค 1 ตอนท้าย

2.     กรณีที่กฎหมายกำหนดไว้ตามมาตรา 8 ทวิ วรรค 3

และทนายความของจำเลยต้องตรวจเช็คดูว่า การจะมีความผิดฐาน พาอาวุธปืนติดตัว แยกเป็น 2 กรณี คือ

1.     ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 8 ทวิ วรรค 1

2.     ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปโดยเปิดเผย หรือพาไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริง การมหรสพ หรือการอื่นใด ตามมาตรา 8 ทวิ วรรค 2

 

 

ตอบคำถามที่ 1 - ขอตอบตามฎีกาที่ 4753/2526 การพาปืนติดตัวไปกับผู้อื่น ซึ่งพกเงินไปจำนวน 3 แสนบาท เพื่อทำสัญญาซื้อขายที่ดินที่ต่างจังหวัดในเวลากลางคืน ไม่ถือว่าเป็นกรณีจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ มีความผิด ทั้งนี้ ตามฎีกาที่ 4753/2536

ตอบคำถามที่ 2 - ขอตอบตามฎีกาที่ 3945/2540 เจ้าพนักงานตำรวจได้ตรวจค้นและพบอาวุธปืนของกลางในกระเป๋าเอกสารซึ่งปิดอยู่และวางอยู่ที่เบาะหลังรถยนต์ ซึ่งจำเลยเป็นผู้ขับขี่ เมื่อปรากฏว่ากระเป๋าเอกสารที่อาวุธปืนของกลางบรรจุอยู่ภายในนั้น โดยสภาพมีกุญแจล็อคถึง 2 ด้าน ทั้งวางอยู่ที่เบาะด้านหลัง การจะหยิบฉวยอาวุธปืนมาใช้ทันทีทันใดนั้นย่อมเป็นไปได้ยาก ทั้งจำเลยมีเจตนาเพียงขนย้ายสิ่งของจึงมิอาจถือได้ว่าเป็นการพาติดตัว

ตอบคำถามที่ 3 - พี่ตุ๊กตา มีความเห็นว่า ถ้าอาวุธปืนอยู่ในเก๊ะ และมีการล็อคกุญแจ น่าจะไม่เป็นความผิดตามฎีกาที่ 3945/2540 แต่ศาลฎีกา ตัดสินในฎีกาที่ 3027/2526 ว่ามีความผิด "จำเลยเก็บปืนและเงิน 70,000 บาท ไว้ในลิ้นชักรถ เมื่อจำเลยนั่งรถไปด้วย ถือได้ว่าจำเลยพาอาวุธปืนติดตัวไป และการที่จำเลยขับรถไปส่งผู้เสียหายกับพวกแล้วพากันไปนั่งดื่มสุราและเบียร์ โดยทิ้งเงินไว้ในรถซึ่งจอดอยู่ห่างจากจำเลยประมาณ 5-6 วา แสดงว่าจำเลยมิได้ห่วงใยเกี่ยวกับความปลอดภัยของทรัพย์สิน การที่จำเลยพาอาวุธปืนติดตัวไปจึงถือไม่ได้ว่ามีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์

 

หมายเหตุ : พี่ตุ๊กตา ทนายณุมาพร (โทร. 081-759-8181) ขอย้ำอีกครั้งว่า ถ้าพกอาวุธปืนแล้วถูกฟ้อง ทนายจำเลยต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่า

1. เป็นการพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่

2. การพาอาวุธปืนติดตัวนั้น มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์หรือไม่ ทั้งนี้ตามมาตรา 8 ทวิ "ห้ามมิให้ผู้ใดพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว เว้นแต่เป็นกรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุ จำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์"

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4735/2536

พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคแรก 

          การที่จำเลยพาอาวุธปืนติดตัวไปกับผู้อื่นซึ่งพกเงินไปจำนวน 300,000 บาท เพื่อทำสัญญาซื้อขายที่ดินที่ต่างจังหวัดในเวลากลางคืนนั้น ไม่ถือว่าเป็นกรณีมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์

________________________________

          โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80,91 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ

          จำเลยให้การปฏิเสธ

          ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม,72 ทวิ วรรคสอง ความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน ความผิดฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ จำคุก 6 เดือนรวมจำคุก 12 เดือน ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 8 เดือน ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก

          จำเลยอุทธรณ์

          ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

          จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

          ศาลฎีกาวินิจฉัยในปัญหาประการแรกที่ว่า การที่จำเลยมีอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์หรือไม่ ซึ่งจำเลยเบิกความว่า ในวันเกิดเหตุจำเลยได้ขับรถยนต์พานางสาวสุจิตราไปติดต่อซื้อที่ดินที่ตำบลบ้านข่อย อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี นางสาวสุจิตรามีเงินติดตัวไป300,000 บาท ระหว่างทางจำเลยแวะหานายสมชาย สุเมฆะกุลและขอยืมอาวุธปืนไปด้วยเพราะเห็นว่าเส้นทางที่จะไปเป็นทางเปลี่ยว จำเลยและนางสาวสุจิตราถึงตำบลบ้านข่อย เวลาประมาณ13 นาฬิกา ได้ตกลงซื้อที่นาและวางมัดจำเสร็จเวลาประมาณ 20 นาฬิกาแล้วเดินทางกลับถึงจังหวัดนนทบุรีเวลา 23 นาฬิกา จำเลยได้ส่งนางสาวสุจิตรา เข้าบ้าน แล้วจำเลยขับรถไปจอดที่ท่าน้ำสุดซอยและเกิดเหตุทะเลาะวิวาทกับผู้เสียหายในคืนนั้น เห็นว่า นางสาวสุจิตราได้ตกลงที่จะซื้อที่ดินไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงมีเวลาเตรียมการที่จะนำเงินสดไปหรือหากเห็นว่าการนำเงินสดไปจำนวนมากถึง 300,000 บาทอาจเป็นอันตรายก็สามารถเปลี่ยนเป็นตั๋วแลกเงินเสียก็ได้การเดินทางเพื่อซื้อขายที่ดินก็ดี การตกลงซื้อขายที่ดินก็ดี สามารถทำในเวลากลางวันได้ เพราะไม่ปรากฏว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนแต่ประการใดหลังจากที่วางมัดจำกันเสร็จแล้ว จำเลยเดินทางกลับบ้านแต่ไม่ได้แวะคืนอาวุธปืนให้เจ้าของกลับพาอาวุธปืนมาบ้านของจำเลยจนกระทั่งเกิดเหตุคดีนี้ กรณีไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยมีอาชีพเป็นหลักแหล่งและไม่เคยกระทำผิดถึงต้องโทษจำคุกมาก่อน ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษไว้ เห็นว่า จำเลยมีอาชีพเป็นพนักงานขับรถยนต์ไม่เคยกระทำผิดต้องโทษถึงจำคุกมาก่อน เป็นเหตุอันควรปรานีเห็นควรรอการลงโทษให้จำเลย

          พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ให้ลงโทษปรับด้วย 3,000 บาท ฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวให้ลงโทษปรับด้วย 3,000 บาท รวมปรับ 6,000 บาท ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงปรับ 4,000 บาท จำเลยไม่เคยต้องโทษถึงจำคุกมาก่อน ให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

( สมปอง เสนเนียม - อัมพร เดชศิริ - วิฑูรย์ สุทธิประภา )

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3945/2540

ป.อ. มาตรา 59, 371

พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ

          เจ้าพนักงานตำรวจได้ตรวจค้นและพบอาวุธปืนพร้อมกระสุนปืนของกลางในกระเป๋าเอกสารซึ่งปิดอยู่และวางอยู่ที่เบาะหลังรถยนต์ซึ่งจำเลยเป็นผู้ขับเมื่อปรากฎว่ากระเป๋าเอกสารที่อาวุธปืนของกลางบรรจุอยู่ภายในนั้นโดยสภาพมีกุญแจล็อกถึง 2 ด้านทั้งวางอยู่ที่เบาะด้านหลัง การจะหยิบฉวยอาวุธปืนมาใช้ทันทีทันใดนั้นย่อมเป็นได้ยาก ทั้งจำเลยมีเจตนาเพียงขนย้ายสิ่งของจึงมิอาจถือได้ว่าเป็นการพาติดตัว

________________________________ 

          โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิและประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371

          จำเลยให้การปฏิเสธ

          ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสองและประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯพ.ศ. 2490 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ปรับ 2,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 1,500 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30

          จำเลยอุทธรณ์

          ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

          จำเลยฎีกา

          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรบฟังเป็นยุติได้ตามที่โจทก์จำเลยนำสืบรับตรงกันว่า ตามวันเวลาสถานที่เกิดเหตุที่ฟ้องเจ้าพนักงานตำรวจได้ตรวจค้นและพบอาวุธปืนพร้อมกระสุนปืนของกลางในกระเป๋าเอกสารซึ่งปิดอยู่และวางอยู่ที่เบาะหลังรถยนต์ซึ่งจำเลยเป็นผู้ขับ คดีมีปัญหาวินิจฉัยในชั้นฎีกาแต่เพียงว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า กระเป๋าเอกสารที่อาวุธปืนของกลางบรรจุอยู่ภายในนั้นโดยสภาพและคำพยานจำเลยแสดงว่า มีกุญแจล็อกถึง 2 ด้าน ทั้งวางอยู่ที่เบาะด้านหลัง การจะหยิบฉวยอาวุธปืนมาใช้ทันทีทันใดนั้นย่อมเป็นไปยาก จึงมิอาจถือได้ว่าเป็นการพาติดตัวทั้งเหตุผลที่จำเลยนำสืบประกอบข้ออ้างว่าเป็นการขนย้ายไปยังบ้านที่จังหวัดนครราชสีมานั้น จำเลยมีสำเนาทะเบียนบ้านมานำสืบว่ามีการย้ายภูมิลำเนาไปจริง แม้จะภายหลังวันเวลาเกิดเหตุแต่ก็เพียงไม่กี่วัน ต้องรับฟังเป็นคุณแก่จำเลยตามที่อ้างว่าเจตนาเพียงขนย้ายสิ่งของทั้งเมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมานำสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่นจึงต้องฟังว่าจำเลยมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ที่จะพาอาวุธปืนของกลางไป จำเลยไม่มีความผิดตามฟ้อง

          พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

( วินัย วิมลเศรษฐ - วิรัตน์ ลัทธิวงศกร - บุญศรี แก้วสาร )

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3027/2526

ป.อ. มาตรา 33, 288, 371
พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ

          จำเลยเก็บปืนและเงิน 70,000 บาท ไว้ในลิ้นชักรถ เมื่อจำเลยนั่งรถไปด้วย ถือได้ว่าจำเลยพาอาวุธปืนติดตัวไป และการที่จำเลยขับรถไปส่งผู้เสียหายกับพวกแล้วพากันไปนั่งดื่มสุราและเบียร์ โดยทิ้งเงินไว้ในรถซึ่งจอดอยู่ห่างจากจำเลยประมาณ 5-6 วา แสดงว่าจำเลยมิได้ห่วงใยเกี่ยวกับความปลอดภัยของทรัพย์สิน การที่จำเลยพาอาวุธปืนติดตัวไปจึงถือไม่ได้ว่ามีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์

________________________________ 

          โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธป์นรีวอลเวอร์ขนาด .38 ซึ่งเป็นปืนมีทะเบียนยิงผู้เสียหาย 1 นัด โดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนที่จำเลยยิงไม่ถูกอวัยวะสำคัญ ผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตาย และจำเลยพาอาวุธปืนดังกล่าวไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 371, 33 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ ริบของกลาง

           จำเลยให้การปฏิเสธ

           ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 และฐานพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ ให้ลงโทษและริบของกลาง

           จำเลยอุทธรณ์

           ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

           จำเลยฎีกา

           ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายแล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยฎีกาว่าวันเกิดเหตุจำเลยนำเงิน 70,000 บาท และปืนของกลางเก็บไว้ในลิ้นชักรถ จำเลยไม่ได้เอาปืนมาพกไว้ที่ตัว ทั้งการที่จำเลยเก็บปืนไว้ในลิ้นชักรถก็เพื่อมิให้สูญหาย กับเพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน นับว่ามีเหตุจำเป็นเร่งด่วนนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าแม้จำเลยจะเก็บไว้ในลิ้นชักรถ เมื่อจำเลยนั่งรถไปด้วย ก็ถือได้ว่าจำเลยพาอาวุธปืนติดตัวไป การที่จำเลยขับรถไปส่งผู้เสียหายกับพวก แล้วพากันไปนั่งดื่มสุราและเบียร์ โดยทิ้งเงินไว้ในรถซึ่งจอดอยู่ห่างจากจำเลยประมาณ 5-6 วา แสดงว่าจำเลยมิได้ห่วงใยเกี่ยวกับความปลอดภัยของทรัพย์สิน การที่จำเลยพาอาวุธปืนติดตัวไปจึงถือไม่ได้ว่ามีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์

           พิพากษายืน

( อาจ ปัญญาดิลก - แถมชัย สิทธิไตรย์ - ไพศาล สว่างเนตร )

 

(ฎีกาเหล่านี้ทีมทนายความ Thai Law Consult นำมาจากระบบสืบค้นคำพิพากษาศาลฎีกา 19-05-56)