Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna...
เว็บ TLC เผยแพร่บทความเพื่อเป็นความรู้แก่ประชาชน
และพร้อมที่จะให้ท่านแคปหน้าจอไปใช้ได้
แต่กรุณาให้เครดิตว่ามาจากเว็บ Thai Law Consult
มิฉะนั้น ท่านอาจจะมีความผิดฐานละเมิดงาน "วรรณกรรม" อันมีลิขสิทธิ์ได้
|
|
|
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna...
ติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ แล้วลงจากรถไปซื้อของ ทำให้รถหาย ประกันภัยไม่จ่ายค่ะ !
ปกติ เรามักจะคิดว่าเวลารถหาย ถ้าทำประกันภัย ประเภทหนึ่งไว้ จะต้องได้รับความคุ้มครอง แต่ล่าสุดมีคำพิพากษาศาลฎีกา ตัดสินให้บริษัท ผู้รับประกันภัย ไม่ต้องรับผิดในความสูญหายของรถยนต์ที่เอาประกัน เพราะการติดเครื่องยนต์ไว้ แล้วลงไปซื้อของ ทำให้คนร้ายขโมยรถไปได้ ถือว่าเป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้เอาประกันภัย รายละเอียดตามฎีกาที่ 1305/2559
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1305/2559
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 879 วรรคหนึ่ง
พฤติกรรมของโจทก์ที่จอดรถโดยติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้แล้วลงจากรถไปซื้อของเป็นการขาดความระมัดระวังในการใช้ทรัพย์ หากโจทก์ใช้ความระมัดระวังตามสมควรโดยดับเครื่องยนต์และล็อกประตูรถยนต์ให้เรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าคนร้ายไม่สามารถลักรถยนต์ของโจทก์ไปได้โดยง่าย เหตุที่คนร้ายลักรถยนต์ที่จำเลยรับประกันภัยไว้เกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของโจทก์ซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัย จำเลยในฐานะผู้รับประกันภัยจึงไม่ต้องรับผิดในความสูญหายของรถยนต์ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 879 วรรคหนึ่ง
------------------------------------------------------------
คำพิพากษาย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน ๔๔๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงิน ๔๔๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นนี้รับฟังได้ว่า จำเลยเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน บฉ ๙๑๒๕ ตรัง ไว้จากโจทก์ เมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๐ โจทก์ขับรถยนต์ที่จำเลยรับประกันภัยไว้ไปจอดที่บริเวณถนนท่ากลาง เทศบาลเมืองตรัง จังหวัดตรัง โดยไม่ได้ดับเครื่องยนต์แล้วเดินลงจากรถไปซื้อโรตีที่ขายอยู่ริมถนน จากนั้นมีคนร้ายลักรถยนต์ที่จำเลยรับประกันภัยไว้หลบหนีไป โจทก์แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนและแจ้งให้จำเลยทราบแล้ว จำเลยปฏิเสธไม่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า เหตุรถยนต์สูญหายเกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของโจทก์ ทำให้คนร้ายลักรถยนต์ไป จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ โจทก์อ้างตนเองเป็นพยานเบิกความว่า โจทก์ประกอบอาชีพขายน้ำแข็ง โจทก์ใช้รถยนต์ที่จำเลยรับประกันภัยไว้ส่งน้ำแข็งให้ลูกค้า วันเกิดเหตุหลังจากเลิกงานส่งน้ำแข็งแล้ว โจทก์ไปส่งลูกน้องที่หลังโรงพยาบาลตรัง แล้วขับรถกลับบ้าน เมื่อถึงถนนท่ากลาง เทศบาลนครตรัง ที่เกิดเหตุ โจทก์จอดรถไว้ริมฟุตบาทเพื่อซื้อโรตีโดยไม่ได้ดับเครื่องยนต์ รถยนต์อยู่ห่างจากร้านขายโรตีประมาณ ๒ เมตร เหตุที่ไม่ได้ดับเครื่องยนต์เพราะโจทก์ยืนอยู่ใกล้กับรถ บริเวณที่เกิดเหตุมีแสงสว่างจากไฟฟ้าของร้านค้าและไฟฟ้าบนถนนส่องสว่างในระยะ ๔๐ เมตร และเป็นที่ชุมชนมีคนพลุกพล่าน ขณะโจทก์ยืนซื้อโรตีโจทก์ได้ยินเสียงเหยียบเครื่องยนต์ดังขึ้น เมื่อหันไปมองเห็นคนร้ายขับรถยนต์ของโจทก์หลบหนีไปทางอำเภอสิเกา โจทก์ขอความช่วยเหลือจากนายสุรพล ซึ่งเป็นพ่อค้าขายอาหารอยู่ใกล้ๆ กับร้านขายโรตี นายสุรพลขับรถจักรยานยนต์พาโจทก์ไล่ติดตามคนร้ายไปทางถนนสายตรัง-สิเกา ได้ประมาณ ๑ กิโลเมตร แต่ตามไม่ทัน ระหว่างนั้นโจทก์ได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าพนักงานตำรวจว่ารถยนต์ถูกคนร้ายลักไป ขอให้ช่วยสกัดรถไว้ ต่อมาโจทก์แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน และแจ้งให้จำเลยทราบ โจทก์ตอบทนายจำเลยถามค้านว่า โจทก์ลงจากรถยนต์ไปสั่งซื้อโรตี ๕ แผ่น ใส่ไข่ ๓ แผ่น ไม่ใส่ไข่ ๒ แผ่น การจอดรถยนต์เพื่อซื้อของในลักษณะดังกล่าว โจทก์ย่อมต้องคาดหมายได้ว่าจะต้องใช้เวลาในการรอ และไม่ใช่ระยะเวลาเพียงชั่วครู่ โดยวิสัยของวิญญูชนทั่วไปย่อมจะต้องดับเครื่องยนต์พร้อมกับล็อกรถยนต์และตรวจสอบการล็อกประตูรถยนต์ให้เรียบร้อยเสียก่อน ซึ่งแม้ระยะห่างประมาณ ๒ เมตรจะไม่มาก แต่โจทก์ก็ไม่ได้ยืนอยู่ใกล้รถพอที่จะป้องกันไม่ให้คนร้ายเข้าไปในรถ ได้ความจากนางปิ่นรัตน์ พยานโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายโรตีว่า ระยะเวลาตั้งแต่โจทก์จอดรถยนต์ลงมาซื้อโรตีจนถึงเวลาที่รถยนต์ถูกคนร้ายลักไปเป็นเวลาประมาณ ๑๐ นาที แสดงว่าก่อนที่คนร้ายจะลักรถยนต์หลบหนีไป โจทก์จอดรถโดยติดเครื่องยนต์ไว้นานประมาณ ๑๐ นาที โดยโจทก์ไม่ทันได้สังเกตหรือหันไปมองรถยนต์ ทำให้โจทก์ไม่สามารถมองเห็นคนร้ายได้ ทั้งนี้ หากโจทก์ล็อกประตูรถยนต์ให้เรียบร้อยและไม่ติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ แม้คนร้ายจะเข้าไปในรถยนต์ได้แล้ว ก็ย่อมต้องใช้เวลาพอสมควรในการที่จะลักรถยนต์ไปได้ แต่การที่คนร้ายสามารถลักรถยนต์ไปได้โดยง่ายก็เนื่องจากโจทก์ติดเครื่องยนต์ไว้ ซึ่งโดยสภาพของรถขณะนั้นย่อมเอื้อโอกาสให้คนร้ายสามารถขับรถออกไปได้ในทันที โดยไม่ได้ต้องใช้วิธีการลักรถยนต์อื่นใดอีก พฤติกรรมของโจทก์ที่จอดรถโดยติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้แล้วลงจากรถไปซื้อของจึงเป็นการขาดความระมัดระวังในการใช้ทรัพย์ หากโจทก์ใช้ความระมัดระวังตามสมควรโดยดับเครื่องยนต์และล็อกประตูรถยนต์ให้เรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าคนร้ายไม่สามารถลักรถยนต์ของโจทก์ไปได้โดยง่าย เหตุที่คนร้ายลักรถยนต์ที่จำเลยรับประกันภัยไว้เกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของโจทก์ซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัย จำเลยในฐานะผู้รับประกันภัยจึงไม่ต้องรับผิดในความสูญหายของรถยนต์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๗๙ วรรคหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ
(บุญไชย ธนาพันธ์สิน - เกษม เกษมปัญญา - จรูญ ชีวิตโสภณ)
21 เมษายน 2560