Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna...
เว็บ TLC เผยแพร่บทความเพื่อเป็นความรู้แก่ประชาชน
และพร้อมที่จะให้ท่านแคปหน้าจอไปใช้ได้
แต่กรุณาให้เครดิตว่ามาจากเว็บ Thai Law Consult
มิฉะนั้น ท่านอาจจะมีความผิดฐานละเมิดงาน "วรรณกรรม" อันมีลิขสิทธิ์ได้
|
|
|
Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna...
ข้อ 1. พ.ร.บ. ฉบับนี้มีผลบังคับในวันที่ 2 กันยายน 2558
ข้อ 2. การทวงถามหนี้ของทนายความ (ทค.) ซึ่งกระทำแทนลูกความของตน ไม่ถือว่าเป็นการทำธุรกิจทวงถามหนี้ ตามนิยามศัพท์ มาตรา 3
ข้อ 3. กฎหมายนี้ไม่ได้ห้ามทวงหนี้ แต่การที่ทนายความทวงหนี้แทนลูกความ แม้จะไม่เป็นการทำธุรกิจทวงหนี้ แต่ถือว่า ทนายความเป็นผู้ทวงหนี้ เพราะว่ารับมอบอำนาจจากลูกความในฐานะเจ้าหนี้ ดังนั้น การทวงหนี้ของทนายความจึงต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ. นี้ กล่าว คือ
3.1 ห้ามติดต่อบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ลูกหนี้เพื่อการทวงถาม เว้นแต่จะเป็นบุคคลที่ลูกหนี้แจ้งไว้ให้ติดต่อแต่หากติดต่อบุคคลอื่น สามารถทำได้ เพื่อสอบถามหรือยืนยันข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่จะติดต่อลูกหนี้หรือบุคคลที่ลูกหนี้กำหนดดังกล่าว โดยต้องปฏิบัติ ดังนี้
1) แจ้งชื่อสกุล และวัตถุประสงค์ในการสอบถามเรื่องดังกล่าว
2) ห้ามแจ้งถึงการเป็นหนี้ของลูกหนี้ เว้นแต่ บุคคลที่สอบถามจะเป็นคู่สมรส บุพการี หรือผู้สืบสันดาน และได้สอบถามถึงสาเหตุของการติดต่อ โดยให้ชี้แจงข้อมูลหนี้เท่าที่จำเป็นตามความเหมาะสม
3) ห้ามใช้ข้อความเครื่องหมายสัญลักษณ์หรือชื่อทางธุรกิจของผู้ทวงถามหนี้บนซองจดหมาย หนังสือ หรือสื่ออื่นใดที่ใช้ในการติดต่อสอบถาม ที่ให้เข้าใจได้ว่าทวงถามหนี้ของลูกหนี้
4) ห้ามติดต่อหรือแสดงตนที่ทำให้เข้าใจผิดเพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ของลูกหนี้หรือบุคคลที่ลูกหนี้ระบุไว้ หากฝ่าฝืน มีโทษจำคุก ปรับ ตามกฎหมาย
3.2 การทวงหนี้ ผู้ทวงถามหนี้ ต้องปฏิบัติดังนี้
1) ให้ติดต่อตามสถานที่ที่ลูกหนี้ได้แจ้งไว้ หากไม่ได้แจ้งไว้หรือติดต่อยังสถานที่ที่แจ้งไว้แต่ติดต่อไม่ได้ ให้ติดต่อตามภูมิลำเนา ถิ่นที่อยู่ สถานที่ทำงาน หรือสถานที่ตามที่คณะกรรมการกำหนด
2) เวลาในการติดต่อทวงถาม วันจันทร์ ถึง ศุกร์ 08.00 – 20.00 น. วันหยุดราชการ 08.00 – 18.00 น. จำนวนครั้งที่ติดต่อให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด
3) กรณีที่เป็นผู้รับมอบอำนาจให้มาทวงถามจะต้องแสดงหลักฐานการมอบอำนาจด้วย หากฝ่าฝืนมีโทษปรับ
3.3 กรณีผู้ทวงถามหนี้ขอรับชำระหนี้ ต้องแสดงหลักฐานการรับมอบอำนาจให้รับชำระหนี้แสดงด้วย และเมื่อรับชำระแล้วต้องออกหลักฐานการรับชำระหนี้ให้ลูกหนี้ด้วย หากฝ่าฝืนมีโทษปรับ
3.4 ห้ามกระทำการทวงหนี้ ในลักษณะดังนี้
1) ข่มขู่ ใช้ความรุนแรง กระทำให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกาย ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของลูกหนี้หรือผู้อื่น
2)ใช้วาจาหรือภาษาที่เป็นการดูหมิ่นลูกหนี้หรือผู้อื่น
3) แจ้งหรือเปิดเผยความเป็นหนี้ให้แก่ผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวกับการทวงหนี้
4) ติดต่อลูกหนี้โดยไปรษณีย์บัตร หรือเอกสารเปิดผนึก โทรสาร หรือวิธีอื่นที่สื่อให้รู้ว่าเป็การทวงหนี้อย่างชัดเจน เว้นแต่ การบอกกล่าวบังคับจำนองด้วยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ ในกรณีที่ไม่สามารถติดต่อลูกหนี้ได้
5) ใช้ข้อความ เครื่องหมาย สัญลักษณ์หรือชื่อทางธุรกิจของผู้ทวงถามหนี้บนซอง จม. ในการติดต่อสอบถาม ที่ให้เข้าใจได้ว่าเพื่อทวงถามหนี้
3.5 ห้ามทวงหนี้ในลักษณะที่เป็นเท็จ หรือทำให้เข้าใจผิด ดังนี้
1) แสดงหรือใช้ข้อความ เครื่องหมาย สัญญลักษณ์ หรือเครื่องแบบที่ทำให้เข้าใจว่าเป็นการกระทำของศาล เจ้าหน้าที่รัฐ หรือหน่วยงานของรัฐ
2) แสดงหรือมีข้อความให้เชื่อว่าจะถูกดำเนินคดี หรือถูกยึด อายัดทรัพย์สิน เงินเดือน
3) ติดต่อ หรือแสดงว่ากระทำการให้แกบริษัทข้อมูลเครดิต หรือรับจ้างจากบริษัทดังกล่าว หากฝ่าฝืนมีโทษจำ ปรับ
3.6 ห้ามผู้ทวงหนี้ ทวงหนี้ที่ไม่เป็นธรรม ดังนี้
1) เรียกเก็บค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายเกินกว่าประกาศของคณะกรรมการ
2) เสนอ จูงใจ ให้ลูกหนี้ออกเช็ค โดยรู้ว่าลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ฝ่าฝืน 1) โทษปรับ 2) จำ ปรับ
ข้อ 4. หากทนายความ หรือสำนักงานทนายความ ประสงค์จะประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ (การรับจ้างทวงหนี้ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมเป็นปกติธุระ ซึ่งไม่ใช่การทวงถามหนี้แทนลูกความ) จะต้องขอจดทะเบียนการประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ ต่อสภาทนายความตามระเบียบที่กำหนดไว้ หากฝ่าฝืนมีโทษจำ ปรับ
ข้อ 5. กรณี ที่ทนายความ หรือสำนักงานทนายความ ประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ ก่อนพ.ร.บ. นี้ใช้บังคับ หากจะดำเนินธุรกิจต่อไป ให้ยื่นขอจดทะเบียนที่ สภาทนายความภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ 2 กันยายน 2558
ข้อ 6. ให้คณะกรรมการสภาทนายความ เป็นผู้มีอำนาจเพิกถอนการจดทะเบียนประกอบธุรกิจทวงถามหนี้ กรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจทวงถามหนี้เป็นทนายความหรือสำนักงานทนายความ
ข้อ 7. กรณีที่ สภาทนายความไม่รับจดทะเบียน สามารถอุทธรณ์คำสั่งไปยังสภานายกพิเศษ (รมว.กระทรวงยุติธรรม) ได้ภายใน 60 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง และจะต้องวินิจฉัยให้เสร็จภายใน 60 วันนับแต่วันที่รับอุทธรณ์ คำวินิจฉัยของสภานายกพิเศษให้เป็นที่สุด
ข้อสรุปนี้ สรุปตามความเข้าใจจากการศึกษากฎหมายฉบับนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่พี่น้องทนายความทุกท่านครับ...
ด้วยความปรารถนาดีจาก ทนายความพรศักดิ์ สังข์สังวาลย์ ปธ.สภาทนายความ จ.เชียงใหม่...ผู้รวบรวมและเรียบเรียง...ปรับปรุงบางส่วนโดยทนายพี่ตุ๊กตา ThaiLawConsult 20-02-2559