Blog categories

Latest posts

ทนายพงศ์รัตน์ รัตนพงศ์ น.บ.ท.64 ผู้เรียบเรียง

.

กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

               ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา มีการกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต เว็บไซด์ กันมากขึ้น สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ให้ความเห็นชอบแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2550 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 18 กรกฎาคม 2550 เป็นต้นไป Thai Law Consult เห็นว่าบางมาตราของกฎหมายนี้ มักถูกนำมากล่าวถึงในคดีดังที่ประชาชนสนใจ จึงนำมาลงไว้

หลัก  

พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550

มาตรา 3          "ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์" หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแสดงถึงแหล่งกำเนิด ต้นทาง ปลายทาง เส้นทาง เวลา วันที่ ปริมาณ ระยะเวลา ชนิดของบริการ หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์นั้น

                    (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ อธิบายว่า ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือ traffic data ได้แก่ หมายเลขโทรศัพท์ เลขที่อยู่ของไอพี (IP Address) สำหรับข้อมูลปลายทาง ได้แก่ เลขที่อยู่ไปรษณีย์อิเลกทรอนิคส์ (e-mail address) หรือ ที่อยู่เว็บไซด์ (URL) ซึ่งผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเข้าไปสืบค้นข้อมูล เป็นต้น นอกจากนี้ ข้อมูลจราจร ยังหมายรวมถึง ข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวกับเวลาที่มีการติดต่อสื่อสาร วันที่ จำนวนตัวเลขของผู้ที่ติดต่อสื่อสาร หรือลักษณะของการใช้บริการ หรือประเภทของการติดต่อสื่อสาร เช่น การโอนแฟ้มข้อมูล หรือการติดต่อในรูปของไปรษณีย์อิเลคทรอนิคส์ เป็นต้น

  • ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ จะเป็นประโยชน์ในการสืบค้น สอบสวนเพื่อหาบุคคลผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เพราะกฎหมายนี้ได้กำหนดบังคับให้ผู้ให้บริการต้องเก็บข้อมูลจราจรไว้เพื่อ ประโยชน์ในการตรวจสอบ

 

มาตรา 14        ผู้ใดกระทําความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

(1) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน

(2) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน

(3) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง แห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา

(4) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้

(5) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3) หรือ(4)

 

มาตรา 15          ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มี การกระทําความผิดตามมาตรา 14 ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทําความผิดตาม มาตรา 14

 

มาตรา 16           ผู้ใดนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูล ที่ปรากฏเป็นภาพของผูู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้โดยประการที่น่าจะทําให้ผู้อื่นนั้น เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

          ถ้าการกระทําตามวรรคหนึ่ง เป็นการนําเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยสุจริต ผู้กระทําไม่มีความผิด

          ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้

          ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคหนึ่งตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย

 

มาตรา 17          ผู้ใดกระทําความผิดตามพระราชบัญญัตินี้นอกราชอาณาจักรและ

(1) ผู้กระทําความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้น หรือผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ หรือ

(2) ผู้กระทําความผิดนั้นเป็นคนต่างด้าว และรัฐบาลไทย หรือคนไทยเป็นผู้เสียหาย และผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ

          จะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร

 

มาตรา 18           ภายใต้บังคับมาตรา 19 เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนและสอบสวนในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการ กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ เฉพาะที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิด และหาตัวผู้กระทำความผิด

(1) มีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ตามพระราชบัญญัตินี้มาเพื่อให้ถ้อยคำ ส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือ หรือส่งเอกสาร ข้อมูล หรือหลักฐานอื่นใดที่อยู่ในรูปแบบที่สามารถเข้าใจได้

(2) เรียกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จากผู้ให้บริการเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์หรือจากบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง

(3) สั่งให้ผู้ให้บริการส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการที่ต้องเก็บ ตามมาตรา 26 หรือที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมของผู้ให้บริการให้แก่พนักงานเจ้า หน้าที่

(4) ทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ จากระบบคอมพิวเตอร์ที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราช บัญญัตินี้ ในกรณีที่ระบบคอมพิวเตอร์นั้นยังมิได้อยู่ในความครอบครองของพนักงานเจ้า หน้าที่

(5) สั่งให้บุคคลซึ่งครอบครองหรือควบคุมข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ ส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ดังกล่าวให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่

(6) ตรวจสอบหรือเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคล ใด อันเป็นหลักฐานหรืออาจใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือเพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดและสั่งให้บุคคลนั้นส่งข้อมูล คอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ที่เกี่ยวข้องเท่าที่จำเป็นให้ด้วยก็ได้

(7) ถอดรหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด หรือสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ ทำการถอดรหัสลับ หรือให้ความร่วมมือกับพนักงานเจ้าหน้าที่ในการถอดรหัสลับดังกล่าว

(8) ยึดหรืออายัดระบบคอมพิวเตอร์เท่าที่จำเป็นเฉพาะเพื่อประโยชน์ในการ ทราบรายละเอียดแห่งความผิดและผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้

 

มาตรา 18 ----> (1) (2) (3) อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ในการสืบสวนและสอบสวนที่ไม่ต้องขออนุญาตศาล

  • สอบถามหรือเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด
  • เรียกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จากผู้ให้บริการ
  • สั่งให้ผู้ให้บริการส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการ

มาตรา 18 ----> (4) - (8) อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ในการสืบสวนที่ต้องขออนุญาตศาลก่อนการดำเนินการ

  • ทำสำเนาข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์
  • สั่งให้บุคคลส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์
  • ตรวจสอบ เข้าถึง ระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์
  • ถอดรหัสข้อมูลคอมพิวเตอร์
  • ยึดหรืออายัดระบบคอมพิวเตอร์

 

มาตรา 20     อำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการร้องขอให้ศาลมีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์

-----> ปิดกั้นเว็บไซต์ บล๊อกเว็บไซต์ กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้ยื่นคำร้องต่อศาล โดยก่อนอื่นต้องได้รับความเห็นชอบจาก รมต.ว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ก่อน ดังนั้น มาตรา 20 การใช้อำนาจต้องผ่านการกลั่นกรองถึง 3 ชั้น คือ พนักงานเจ้าหน้าที่ รัฐมนตรี และ ศาล

 

มาตรา 25    การรับฟังข้อมูล ข้อมูลคอมพิวเตอร์ และข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ เป็นพยานหลักฐาน

         "ข้อมูล ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามพระราชบัญญัติ นี้ ให้อ้างและรับฟังเป็นพยานหลักฐานตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญาหรือกฎหมายอื่นอันว่าด้วยการสืบพยานได้ แต่ต้องเป็นชนิดที่มิได้เกิดขึ้นจากการจูงใจ มีคำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือโดยมิชอบประการอื่น"

 

มาตรา 26    หน้าที่ของผู้ให้บริการในการเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์

          "ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ไว้ไม่น้อยกว่า 90 วันนับแต่วันที่ข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์  แต่ในกรณีจำเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งให้ผู้ให้บริการผู้ใดเก็บรักษา ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้เกิน 90 วันแต่ไม่เกิน 1 ปีเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายและเฉพาะคราวก็ได้"

 

โทษ - มาตรา 27 ความผิดฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล หรือ คำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่

          "ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลหรือพนักงานเจ้า หน้าที่ที่สั่งตามมาตรา 18 หรือมาตรา 20 หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลตามมาตรา 21 ต้องระวางโทษปรับ  ไม่เกิน 2 แสนบาท และปรับเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละ 5 พันบาทจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง"

 

 

ทบทวน

มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

(3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย ตาม ป.อ.

----> ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตาม ป.อ. ได้แก่ ความผิดที่กำหนดไว้ใน ป.อ. ภาค 2 ลักษณะ 1 ซึ่งแยกกำหนดไว้ 4 หมวด คือ

  1. หมวด 1 ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ มาตรา 107 - 112 ซึ่งมีมาตราสำคัญคือ มาตรา 112 "ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 15 ปี
  2. หมวด 2 ความผิดต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร มาตรา 113 - 118
  3. หมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐนอกราชอาณาจักร มาตรา 130 - 135

 

ทีมงาน Thai Law Consult นำตัวบทมาลงไว้ก่อน รอการเพิ่มเติมข้อมูลอีกครั้งครับ

 

(ท่านผู้อ่านที่สนใจคำอธิบาย กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ควรอ่านหนังสือของ อาจารย์มานิต จุมปา สำนักพิมพ์วิญญูชน จัดพิมพ์ปี 2553 ราคา 150 บาท ทนายความทีม Thai Law Consult หลายคนใช้หนังสือเล่มนี้เป็นคู่มือครับ)


ข้อเท็จจริง

 

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  2542/2549

ป.พ.พ. มาตรา 193/30, 659 วรรคสาม

         

________________________________

        

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  1181/2541

ป.พ.พ. มาตรา 193/30, 563, 671

          

________________________________

         

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  2205/2542

ป.พ.พ. มาตรา 420, 537, 657
ป.วิ.พ. มาตรา 224

      

________________________________

        

 

 

 

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  3517/2525

ป.พ.พ. มาตรา 164, 226, 227, 561, 567, 657, 665, 671, 880
ป.วิ.พ. มาตรา 248

 

________________________________

 

 

(ฎีกาเหล่านี้ทีมทนายความ Thai Law Consult นำมาจากระบบสืบค้นคำพิพากษาศาลฎีกา 1-11-55)