บทความจาก คุณอภิวัฒน์ มีทรัพย์ ม.อุบลราชธานี
เนติบัณฑิต สมัย 65
กว่าจะเป็นเนติบัณฑิตไทย
การเรียนในระดับชั้นเนติบัณฑิตนั้นหลายคนคงนึกภาพถึงหนังสือรวมคำบรรยายที่มีเมื้อหาและปริมาณมากมายซึ่งไม่รู้ว่าจะอ่านอย่างไรหรือใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะอ่านจบ และในแต่ละสมัยก็มีผู้เข้าสอบจำนวนเกือบสองหมื่นคน แต่จำนวนผู้ที่สอบเป็นเนติบัณฑิตได้นั้น หลักพันต้นๆหรือไม่บางสมัยก็ไม่ถึงหลักพัน หลายๆคนเมื่อถามถึงว่า ถ้าเรียนจบในระดับปริญญาตรีแล้วหากมีโอกาสเรียนต่อจะเรียนปริญญาโท หรือเนติฯดี หลายคนตอบว่า ขอเรียนต่อปริญญาโทดีกว่าอย่างน้อย ถ้าไม่แย่จริงๆก็สามารถเรียนจบได้ภายในสองปีหรืออาจจะช้ากว่านั้น แต่ก็ไม่นาน ในที่สุดก็สามารถเรียนจบได้ แต่ถ้าหากเรียนเนติฯแล้วอาจจะใช้เวลานานหลายปีหรือบางทีอาจจะไม่สามารถสอบเป็นเนติบัณฑิตได้เลย ในส่วนตัวกระผมเองได้ตอบเพื่อนๆหลายคนที่ชอบถาม ว่าขอเรียนต่อเนติฯดีกว่า เพราะหากสามารถสอบเป็นเนติบัณฑิตได้แล้วยังมีโอกาสที่จะสอบผู้พิพากษาหรืออัยการได้ด้วย วันนี้กระผมก็สามารถสอบเป็นเนติบัณฑิตได้แล้ว แต่ก่อนที่ผมจะถึงจุดนี้ได้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายๆ กระผมขอถ่ายทอดประสบการณ์ตัวเองในการเรียนและเตรียมตัวสอบเนติฯ หากใครหลายคนได้อ่านบทความนี้แล้ว อาจจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยหากได้ลองปรับใช้บ้าง
การอ่านหนังสือ
เน้นอ่านตัวบทเป็นสำคัญ จะไม่ใช้วิธีท่องตัวบทแต่จะเน้นอ่านตัวบทมาตราสำคัญๆซึ่งมักจะใช้ในการออกสอบบ่อยๆดูได้จากสถิติ ๓ สนามสอบ (เนติ,ผู้ช่วยและอัยการ) อ่านทุกๆวัน ก่อนเริ่มอ่านคำบรรยายเนติทุกครั้ง ข้อดีของการอ่านตัวบทก็เหมือนกับเราได้ทบทวนหลักกฎหมายซ้ำอีกครั้งหนึ่ง กระผมเปรียบตัวบทเสมือนคำบรรยายที่ย่อ สั้นและกระชับที่สุด
การอ่านคำบรรยายไม่ได้อ่านเนื้อหาคำบรรยายทั้งหมด แต่จะเลือกอ่านเนื้อหาที่คิดว่าจะออกสอบโดยดูจากสถิติข้อสอบเก่าๆของเนติฯ บางวิชามักไม่ค่อยออกหรือไม่ออกสอบเลย เพื่อประหยัดเวลาการอ่านหนังสือและใช้เวลาที่เหลือทุ่มเทให้กับเนื้อหาคำบรรยายในส่วนที่ออกกสอบบ่อยๆ เช่น ข้อ.๖ ของกลุ่มวิชากฎหมายแพ่งฯ อ่านเฉพาะตั๋วเงิน หรือ ข้อ.๘ อ่านเฉพาะวิชามรดกในส่วนคำบรรยายของอาจารย์หม่อมหลวงเฉลิมชัย เกษมสันต์ (ครั้งที่ ๑ และครั้งสุดท้าย)
หรือหากเป็นกลุ่มวิชาวิแพ่งฯหรือวิอาญา เลือกอ่านเฉพาะวิชาสัมมนาวิแพ่งฯหรือวิอาญาฯ เป็นต้น
การเข้าฟังคำบรรยาย
เข้าฟังคำบรรยายเฉพาะภาคค่ำและภาคทบทวน เลือกเข้าฟังเฉพาะอาจารย์ที่คิดว่า ฟังแล้วเข้าใจและไม่เข้าฟังทั้งหมด เพื่อนำเวลาที่เหลือทบทวนตัวบทและอ่านคำบรรยายให้จบ การเข้าฟังคำบรรยายจะทำให้เราอ่านหนังสือเข้าใจและอ่านได้เร็วมากขึ้น บางทีอาจมีข้อสอบหลุดมาบ้างโดยเฉพาะชั่วโมงสุดท้าย
การทำข้อสอบเก่า
ข้อสอบเก่าเปรียบเสมือนลายแทงหรือเข็มทิศ ทำให้เราดูหนังสือให้ตรงจุดมากขึ้น การฝึกทำข้อสอบเก่าๆจะทำช่วยให้เราไม่ตื่นเต้นและตกใจกลัวเมื่อได้อยู่ในห้องสอบ ก่อนสอบ ๒ สัปดาห์ จะพยายามทำข้อสอบปีเก่าๆย้อนหลังให้ได้มากที่สุด และให้คะแนนตัวเองไปด้วย หลังจากนั้นพยายามลอกธงคำตอบอย่างละ รอบ เพื่อจะได้คุ้นเคยกับสำนวนการเขียนคำตอบ ช่วยให้การเขียนกระชับและคมมากขึ้น และฝึกจับประเด็นข้อสอบไปในตัว
วันสอบ
ข้อไหนทำได้จะทำก่อน หากข้อไหนอ่านมาตรงและมั่นใจพยายามทำให้ได้มากกว่า ๗ แต้มขึ้นไป หากข้อไหนทำไม่ได้หรือไม่มั่นใจพยายามใส่ตัวบทที่เกี่ยวข้องและวินิจฉัยให้เป็นธรรมมากที่สุด และพยายามอย่าทิ้งข้อใดข้อหนึ่ง หรืออย่าให้ได้ศูนย์แต้ม
สุดท้ายนี้ผมอยากจะเป็นกำลังใจให้ผู้ที่กำลังศึกษาในระดับเนติฯ หากเรามีความเพียรพยายามและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคแล้ว เชื่อว่าทุกคนมีโอกาสได้เป็นเนติบัณฑิตไทยได้ทุกคน โดยเฉพาะคนที่ได้คะแนน ๔๘,๔๙ อย่างเพิ่งท้อใจ ผมเองเคยได้คะแนน ๔๙ สองปีติดต่อกัน แต่ก็ไม่ย่อท้อและหมดกำลัง และพยายามทำคะแนนให้มากกว่า ๖๐ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องลุ้นและรอสอบอีก ๑ ปี หากใครที่มีความเพียรและความพยายามแล้วก็สามารถเป็นเนติบัณฑิตไทยสมใจอย่างแน่นอน
อภิวัฒน์ มีทรัพย์
นิติศาสตร์บัณฑิต (น.บ.) มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
เนติบัณฑิตไทย (น.บ.ท.) สมัยที่ ๖๕
หมายเหตุ : น้องอภิวัฒน์ มีทรัพย์ เขียนบทความนี้ให้ Thai Law Consult เผยแพร่วันที่ 10-10-2556